สมรภูมิสุดท้าย{รามเกียรติ์} - สมรภูมิสุดท้าย{รามเกียรติ์} นิยาย สมรภูมิสุดท้าย{รามเกียรติ์} : Dek-D.com - Writer

    สมรภูมิสุดท้าย{รามเกียรติ์}

    นิยายเรื่องนี้ปรับแต่งมาจากวรรณคดีรามเกียรติ์ที่ไม่มีเนื้อหาความเป็นจริง เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเจ้าค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    223

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    223

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ส.ค. 66 / 13:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



     

    ผู้ใดจักรับรู้ว่าวาระสุดท้ายจะมาเมื่อใด ผู้ใดจะรับรู้ว่าครั้งสุดท้ายที่พบเจอจะเป็นความทรงจำที่แย่ที่สุด

     

    ความรักเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีในสงครามโดยเฉพาะกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอริราชศัตรู แต่แล้วสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น เจ้านางที่ได้ชื่อว่าเก่งทั้งด้านการแพทย์และด้านการใช้วิชามนต์ต่างๆ

     

    กลับต้องพ่ายให้กับศัตรูที่นางมอบใจให้ทั้งดวง แต่กลับโดนทำลายอย่างไม่ใยดี

     

     

    “คราก่อนเกือบเสียน้องชาย แต่ครานี้ท่านเสียบุตรชายของท่านไป เพราะสงครามที่ท่านเป็นคนก่อขึ้น สาแก่ใจท่านรึยัง!!”

    “คนที่ฆ่าลูกของข้า คือพวกมนุษย์นั่น!”

    “แต่สาเหตุมันก็มาจากท่านมิใช่รือ หากท่านยอมยุติสงคราม การสูญเสียเช่นนี้จักไม่มีวันเกิดขึ้น”

    “เจ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดเช่นนี้กับข้า อย่าลืมเสียว่าเจ้าเป็นเพียง…”

    “เชลยศึก”

    “…”

    “หม่อมฉันรู้ตัวดีเสมอ และไม่เคยลืม ว่าตอนนี้หม่อมฉันอยู่ในฐานะอันใด ต่อให้ท่านมอบอำนาจฝ่ายใน หรือตำแหน่งอะไรให้หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เคยยินดีที่จะรับมัน”

    “…”

    “กลับกันมันยิ่งสร้างความอัปยศให้หม่อมฉัน ว่าต้องถูกนำมาเป็นเชลยและยังได้ความดีความชอบจากอริราชศัตรูทรยศเผ่าพันธุ์”

    “…”

    “แต่…ทุกครั้งที่หม่อมฉันอยู่ที่นี่ กลับคิดว่าทุกตนคือครอบครัว แต่ท่าน! กลับส่งสหายเพียงหนึ่งที่นี่ของข้าไปตายตำแหน่งลาภยศเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการ!”

     

    ปิ่นปักผมทองคำได้ล่วงหล่นลงกับพื้นด้วยแรงอารมณ์ของผู้กระทำ ดวงหน้างดงามเงยขึ้นมองพญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่นึกเกรงกลัวต่ออาญาหรือโทษทัณฑ์ที่จะตามมาในภายภาคหน้า

    ดวงตาสวยคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจและความผิดหวัง

    การสูญเสียคนสำคัญมันสร้างความเสียใจอย่างยิ่งใหญ่ให้กับนาง ซึ่งพญายักษ์ตรงหน้าเองก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่นางเลือกที่จะมองข้ามสายตาของพญายักษ์ที่ทอดมองมายังตัวนางด้วยความรู้สึกผิดไป

     

    “ข้าไม่คิดโทษท่านอีกแล้ว หากจะผิด คงผิดที่ข้าเอง…”

    “…เจ้า…”

    “ผิดที่หม่อมฉัน เลือกที่จะเชื่อในพระทัยของพระองค์”

    “…”

    “องค์เหนือหัวทศกัณฐ์”

     

     

    และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองได้พูดคุยและพบเจอกัน ก่อนพญายักษ์เจ้าเมืองกรุงลงกาจักนำทัพยักษ์ทั้งหมดลงมาทำศึกกับทัพของพระราม

     

    พญายักษ์ทอดสายตามองไปยังพระที่นั่งของปราสาทชั้นในที่เป็นที่พักพิงของเจ้านางน้อย ที่ตนได้จับมาเป็นองค์ประกัน แต่กลับให้การดูแลอย่างดีเยี่ยงเจ้านางนางอื่น อาจจักดีกว่าเสียด้วยซ้ำ ดีกว่าการเป็นเชลยตามที่ปากว่า

     

    ด้านในปราสาท ร่างงดงามของเจ้านางผู้ได้ชื่อว่าเป็นเชลย ทอดสายตามองไปขบวนทัพเบื้องล่างด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ยินดียินร้ายใดๆ

     

    “พระนางเพคะ”

    “ข้าจักพักผ่อนแล้ว พวกเจ้ามีอะไรไปทำก็ไปเถิด”

     

    “ข้าเป็นห่วงเจ้านาง เรนุมาศ”

    “ข้าก็เช่นกัน”

     

    นางกำนัลทั้งสองได้แต่มองประตูห้องของเจ้านางน้อยที่ตนดูแลมาตั้งแต่ถูกจับมาจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระนางเจ้าหลวงของกรุงลงกา

     

    ยักษ์ทุกตนต่างรักและเอ็นดูเจ้านางน้อยผู้นี้ ทั้งที่รู้ดีว่าสักวัน เจ้านางผู้นี้จะต้องจากพวกตนไป เพียงแต่ไม่คิดว่าจะในสถานการณเช่นนี้

     

    ตั้งแต่เริ่มสงครามมา มีการสูญเสียมากมายแต่ครานี้ความสูญเสียที่ได้รับมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะทำใจยอมรับได้

     

    ราชบุตรสืบทอดบัลลังก์ได้สิ้นชีพลงในสนามรบด้วยน้ำมือของพระลักษณ์ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้องค์เหนือหัวแห่งกรุงลงกา และเจ้านางน้อยแห่งเมืองมุนิลได้ผิดใจกัน

     

     

    “วายุเล่า นางอยู่ที่ใด”

    “เจ้านางสัมณขา พระนางอยู่ในห้องบรรทมเพคะ”

     

    สัมณขาเปิดประตูเข้าไปในห้องโดยไม่ขออนุญาตตามปกติของนางที่มาคุยเล่นกับเจ้าของห้อง แต่บัดนี้ ในห้องที่ควรจะมีร่างงดงามของเจ้านางน้อย แต่กลับไม่มีร่างของผู้ใดอยู่ในห้องนี้เลยแม้แต่เงา

     

    สัมณขาเดินหาร่างเจ้านางน้อยอยู่พักใหญจนทั่วห้องก็ไม่เจอนาง

     

    “ตามหาพระนางเจ้าบัดเดี๋ยวนี้”

    “ไม่ต้อง”

    “แต่เจ้านางเพคะ”

     

    “ปล่อยนางไปเถิด นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของนางแล้ว”

     

     

    ข้าเชื่อในการตัดสินใจของเจ้า และเชื่อว่าสิ่งที่เจ้าเลือกคือทางสว่างของเจ้าแล้ว ลาก่อน วายุน้อยเอ๋ย

     

    มือเรียวของเจ้านางยักษ์หยิบกำไลหยกเขียวสลักลวดลายเขี้ยวยักษ์สีทองขึ้นมาลูบเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

    นางกำนัลทั้งสองก้มลงกราบลาต่อกำไลคู่นั้นด้วยน้ำตาที่ไหลรินมาไม่ขาดสาย การจากลาครานี้ ไม่มีคำเอ่ยลาใดๆพวกนางรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นได้เลือกทางเดินสุดท้ายของตัวเองแล้วจริงๆ

     

     

    สมรภูมิรบตอนนี้เป็นไปด้วยความตึงเครียด เหล่าทหารยักษ์และวานรต่างฟาดฟันกันอย่างดุเดือด แม้กระทั่งแม้ทัพทั้งสองฝ่ายเองก็เช่นกัน พระรามและทศกัณฐ์ต่างร่ายคาถาศาตราวุธที่มีออกสู้รบกัน ก็ยังไม่มีผลสรุป

     

    ทางฝั่งทหารเองก็เสียกำลังไปมากโข แม่ทัพสุครีพมองแม่ทัพกุมภกรรณด้วยความเจ็บปวดใจที่ต้องมาสู้กันอีกครา

    ครั้งก่อนที่สู้กันกุมภกรรณยอมให้เขาชนะจนเกือบสิ้นใจ และเมื่อไม่กี่วันก่อน หลานชายของตนได้สูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือของพระลักษณ์ ดูเหมือนว่าครานี้ก็เหมือนกัน ไม่เขาก็กุมภกรรมที่จะต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย

     

    “อย่าได้ลังเล เจ้าทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว วานรสีชาติเอ๋ย”

    “ข้า…ไม่อยากเสียท่านไป”

    “ข้าก็เช่นกัน”

     

    สิ้นคำพูดของพญายักษ์ทั้งสองฝ่ายต่างนำกำลังพลพุ่งเข้าหากัน แต่แล้วการต่อสู้ก็ต้องชะงักลง เมื่อปรากฎพายุลูกใหญ่อยู่ท่ามกลางสนามรบระหว่างทัพยักษ์และวานร

     

    ร่างงดงามปรากฎสู่สายตาของทุกตนเมื่อพายุได้มลายหายไป ร่างงดงามของเจ้านางเมืองมุนิลได้มองไปรอบข้างร่างไร้วิญญาณและร่างผู้บาดเจ็บมากมายอยู่ในสายตา

     

    มือบางพนมมือปากขยับเป็นมนต์เรียกศาตรวุธคู่กายที่ไม่เคยได้เรียกมาใช้เลยสักครั้งออกมา

     

    หอกสีทองยาวปรากฎอยู่ในมือบางก่อนที่นางจะกระแทกปลายด้ามหอกลงกับพื้นให้เกิดรอยแยกตรงกลางระหว่างทัพทั้งสอง

     

    “ผู้ใดข้ามเขตแดนมา ตาย!” คำพูดและสายตาเด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยมีของร่างงดงามทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่กล้าขยับเข้ากัน

     

    “วายุ…”

    “เจ้านางวายุ…”

     

    “ทุกอย่างจักจบลงวันนี้ พวกเจ้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว” รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้กับทุกตนอย่างสุดซึ้ง จนมือที่จับอาวุธอยู่ต้องปล่อยออกอย่างช่วยไม่ได้

     

    ดวงหน้างดงามหันมองผู้นำทัพทั้งสองกำลังฟาดฟันกันไม่หยุด ก่อนจะวิ่งเข้าไปท่ามกลางการต่อสู้ เพื่อหยุดยั้งทุกอย่าง

     

    ข้ารู้ดีว่าข้าไม่อาจห้ามท่านทั้งสองได้ แต่อย่างน้อยขอให้ร่างกายของข้าผู้นี้ช่วยหยุดการเข่นฆ่าของพวกท่านเพียงสักวินาทีก็ยังดี

     

     

    ฉึก!

     

    ร่างงดงามของเจ้านางน้อยต้องธนูของพระรามจนตัวหันไปหาฝั่งของทศกัณฐ์ แต่สิ่งที่ควรได้พบกลับไม่ใช่ร่างของพญายักษ์อย่างที่คิด แต่กลับเป็น ร่างของบุรุษรูปงามร่างกายต้องคมดาบของพญายักษ์อย่างแรงจนต้องหันมาหานาง

    “ท่านพี่…”

    “น้องหญิง…”

     

    พี่ชายฝาแฝดผู้เติบโตมาด้วยกัน ฝ่าเข้ามาปกป้องผู้เป็นน้องจากคมดาบของพญายักษ์ ผู้เป็นที่รักของนางเอง เขารู้ดีว่าน้องสาวของตนจักต้องเข้ามารับลูกธนูแทนทศกัณฐ์เป็นแน่ และรู้ดีว่าทศกัณฐ์จักต้องยั้งดาบไว้ไม่ทันจนลงดาบกับร่างน้องสาวตน

     

    “วายุ!!”

    “อทิตา!!”

     

    เสียงตะโกนของแม่ทัพทั้งสองดังขึ้นทันทีที่ร่างทั้งสองร่างล่วงหล่นลงกับพื้นดิน เลือดจำนวนมากมายไหลออกมาจนน่ากลัว

     

    ทศกัณฐ์วิ่งเข้ามากอดร่างงดงามที่ตนเฝ้าคำนึงหามาตลอดหลายวันตั้งแต่ที่มีปากเสียงกัน จนกระทั่งออกรบนางก็มิออกมาส่ง

     

    “เจ้ามาได้เยี่ยงไร!”

    “หม่อมฉันทราบดี…ว่านี่จักเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบพระพักตร์ของพระองค์”

    “ไม่ เจ้าต้องไม่ตาย ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย”

    “ความตาย ผู้ใดจักห้ามได้เพคะ อึก”

    “ไม่…”

    “ข้ารักท่าน”

    “วายุ…”

    “และเพราะว่ารัก ถึงได้ทำเช่นนี้ อึก ตะ แต่ว่า…”

    “…”

    “ชาตินี้มิอาจอยู่เคียงข้างได้”

    “เจ้า…”

    “ชาติหน้า…ไม่ขอพบเจอ”

    ดวงตาคมของพญายักษ์เบิกกว้างกับคำสาบานของเจ้านางในอ้อมกอด เขารู้ดีว่าวายุโกรธแต่ไม่คิดว่านางจะโกรธถึงเพียงนี้

    “ชาติต่อไป ไม่ขอรัก”

    “อึก”

    “ชาติแล้วชาติเล่า ไม่ขอเคียงคู่ … จนกว่า ท่านจะรู้จักกับคำว่ารักอย่างแท้จริง”

    “วายุ…เจ้าจักทรมานข้าขนาดนี้เชียวรือ”

    “ข้าเพียงต้องการ…ให้ท่านได้เรียนรู้เพคะ” นางเพียงยิ้ม คำสาบานนี้หาได้มีความโกรธแค้นใดๆ ไม่

    “ข้าจักทำให้ได้ สาบานกับเจ้า ข้าจะรักเจ้าไปทุกชาติ จดจำเจ้าไปทุกชาติ มิขอลืม แม้ไม่อาจเคียงคู่ ไม่อาจรักเพียงแค่เห็นเจ้ามีความสุขก็เพียงพอ”

    “ฮึก”

    “ข้าจักรอวันที่เจ้ากลับมารักข้า ชาติใดสักชาติ วายุน้อยของข้า” รอยยิ้มอ่อนโยนแลอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากพญายักษ์ตรงหน้าทำให้ร่างงดงาม คลี่ยิ้มออกด้วยความสุขที่สุด ในช่วงชีวิต

     

    “ลาก่อน…ทศกัณฐ์”

     

     

     

     

    เมื่อเจ้านางวายุสิ้นใจ เจ้าอทิตาผู้เป็นแฝดพี่จึงสิ้นใจตาม สงครามระหว่างยักษ์และมนุษย์ได้จบลง พลทหารต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิต ความสูญเสียที่ได้รับไม่อาจนำกลับมาได้ ได้แต่ยอมรับ

     

    ทศกัณฐ์สละราชบัลลังก์ให้แก่พญายักษ์กุมภกรรณ ส่วนตัวเองก็ได้มาอยู่ที่ตำหนักกุหลาบที่เป็นตำหนักของเจ้านางวายุเคยอยู่ เพื่อระลึกถึงนาง จนสุดท้าย…… พญายักษ์ผู้เก่งกาจก็ได้สิ้นใจไปหลังจากสงครามสงบเพียงห้าปี



     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×